แชร์

แมวจ่ำม้ำน่ากอด นำไปสู่โรคอ้วน!

อัพเดทล่าสุด: 18 ก.ค. 2024

แมวอ้วนน่ารักน่ากอด แต่คุณรู้หรือไม่ว่าความอ้วนในแมวนั้นเป็นปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงกว่าที่คิด? ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโรคอ้วนในแมว สาเหตุ ผลกระทบ และวิธีป้องกันรักษา เพื่อให้น้องแมวของคุณมีสุขภาพที่ดีและอายุยืนยาว

 

โรคอ้วนในแมวคืออะไร?

โรคอ้วนในแมว หมายถึงภาวะที่แมวมีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือมีไขมันสะสมในร่างกายมากเกินไป โดยทั่วไปแล้ว แมวจะถูกจัดว่าอ้วนเมื่อมีน้ำหนักเกินกว่าน้ำหนักที่เหมาะสมตั้งแต่ 20% ขึ้นไป ซึ่งสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของแมวได้อย่างมาก

 

สถิติน่าตกใจ! ปัญหาที่กำลังเพิ่มขึ้น

จากการศึกษาพบว่า ปัญหาโรคอ้วนในแมวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันมีแมวที่เลี้ยงในบ้านมากกว่า 50% ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน ตัวเลขนี้น่าตกใจและควรเป็นสัญญาณเตือนให้เจ้าของแมวหันมาใส่ใจสุขภาพของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดมากขึ้น

[อ้างอิงจาก Association for Pet Obesity Prevention. (2023). 2022 Pet Obesity Survey Results.]

 

สาเหตุของโรคอ้วนในแมว

  • การบริโภคอาหารที่เกินปริมาณที่ควร: หนึ่งในสาเหตุหลักของโรคอ้วนในแมวคือการให้อาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีไขมันและแคลอรี่สูง 
  • ขาดการออกกำลังกาย: แมวที่อาศัยอยู่ในบ้านมักมีกิจกรรมทางกายน้อยกว่าแมวที่อาศัยนอกบ้าน ทำให้เผาผลาญพลังงานได้น้อยลง
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม: แมวบางสายพันธุ์มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคอ้วนได้ง่ายกว่า เช่น แมวพันธุ์เปอร์เซีย เมนคูน และบริติชช็อตแฮร์ 
  • อายุและเพศ: แมวที่ทำหมันแล้วและแมวที่มีอายุมากขึ้นมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนมากกว่า 
  • โรคทางการแพทย์: บางครั้งโรคบางอย่าง เช่น โรคไทรอยด์ต่ำ หรือโรคคุชชิ่ง อาจทำให้แมวมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้


ผลกระทบของโรคอ้วนต่อสุขภาพแมว

โรคอ้วนไม่ได้เป็นเพียงปัญหาเรื่องรูปร่างเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของแมวในหลายด้าน:
  1. โรคเบาหวาน: แมวอ้วนมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  2. ปัญหาข้อและกระดูก: น้ำหนักที่มากเกินไปทำให้เกิดแรงกดทับบนข้อต่อและกระดูก ส่งผลให้เกิดโรคข้ออักเสบและปวดข้อได้
  3. โรคหัวใจและระบบหายใจ: ความอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและปัญหาระบบหายใจ เช่น หอบหืด 
  4. โรคตับไขมัน: การสะสมไขมันในร่างกายมากเกินไปอาจนำไปสู่การสะสมไขมันในตับ ซึ่งส่งผลเสียต่อการทำงานของตับ
  5. ปัญหาผิวหนัง: แมวอ้วนอาจมีปัญหาในการทำความสะอาดตัวเอง ทำให้เกิดปัญหาผิวหนังและการติดเชื้อได้ง่าย
  6. อายุสั้นลง: การศึกษาพบว่าแมวที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานมีอายุขัยสั้นกว่าแมวที่มีน้ำหนักปกติ

 


วิธีประเมินว่าแมวอ้วนหรือไม่
  • ดัชนีมวลกาย (Body Condition Score): สัตวแพทย์ใช้ระบบคะแนนตั้งแต่ 1-9 เพื่อประเมินสภาพร่างกายของแมว โดย 5 คือน้ำหนักที่เหมาะสม 6-7 คือน้ำหนักเกิน และ 8-9 คือโรคอ้วน 
  • การคลำเส้นสัน: คุณควรสามารถคลำกระดูกสันหลังของแมวได้โดยไม่ต้องออกแรงกดมาก หากคลำไม่พบหรือต้องออกแรงกดมาก อาจเป็นสัญญาณว่าแมวมีน้ำหนักเกิน 
  • การมองจากด้านบน: เมื่อมองจากด้านบน แมวควรมีเอวที่เห็นได้ชัดเจน หากไม่เห็นเอวหรือลำตัวกลมเป็นทรงกระบอก อาจแสดงว่าแมวอ้วนเกินไป 
  • การชั่งน้ำหนัก: การชั่งน้ำหนักแมวอย่างสม่ำเสมอและเปรียบเทียบกับมาตรฐานของสายพันธุ์จะช่วยให้คุณติดตามน้ำหนักของแมวได้อย่างแม่นยำ



การป้องกันโรคอ้วนในแมว

  • การควบคุมอาหาร: ควรให้อาหารแมวในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของสัตวแพทย์และหลีกเลี่ยงการให้อาหารที่มีพลังงานสูงเกินไป
  • การออกกำลังกาย: ควรสร้างโอกาสให้แมวได้เคลื่อนไหวและเล่นเป็นประจำ เช่น การใช้ของเล่นแมวหรือการสร้างพื้นที่ให้แมวได้วิ่งเล่น
  • การติดตามน้ำหนัก: ควรชั่งน้ำหนักแมวเป็นประจำและตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักอย่างสม่ำเสมอ
  • การให้คำปรึกษาจากสัตวแพทย์: หากแมวมีน้ำหนักเกิน ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการอาหารและการออกกำลังกายที่เหมาะสม

 

บทสรุป

โรคอ้วนในแมวเป็นปัญหาที่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสม การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการติดตามสุขภาพของแมวเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคอ้วน การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของแมวไม่เพียงแค่ทำให้แมวมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น แต่ยังทำให้แมวมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขมากขึ้น

 

อ้างอิง
  • Association for Pet Obesity Prevention (APOP). (2020). 2019 Pet Obesity Survey. Retrieved from petobesityprevention.org
  • Laflamme, D. (1997). Development and validation of a body condition score system for cats: a clinical tool. Feline practice, 25(5-6), 13-18.
  • German, A. J. (2006). The growing problem of obesity in dogs and cats. The Journal of Nutrition, 136(7), 1940S-1946S.
  • Cornell University College of Veterinary Medicine. (n.d.). Feline Obesity. Retrieved from vet.cornell.edu


บทความที่เกี่ยวข้อง
เคล็ด(ไม่)ลับดูแลน้องแมวหลัง Grooming ให้ขนนุ่มสุขภาพดี
หลังจากการ Grooming หรือการอาบน้ำแมวเสร็จเรียบร้อย การดูแลต่อเนื่องที่บ้านก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้น้องแมวสบายตัว สุขภาพขนดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาดูเคล็ดลับง่ายๆ ที่เจ้าของแมวควรรู้ไว้กันค่ะ
25 มิ.ย. 2025
หลังทำหมัน แมวอาบน้ำได้ไหม? คำตอบคือ....
หลังทำหมัน น้องแมวอาบน้ำได้ไหม? ได้! แต่ต้องดูแลให้ถูกวิธี มาอาบกับช่างผู้เชี่ยวชาญที่ Maru Cat Grooming สบายตัว ปลอดภัย หายห่วง
19 มิ.ย. 2025
ทำไม Maru ไม่บีบต่อมก้นแมว?
เพราะเราเชื่อว่า เรื่องนี้…ควรให้สัตวแพทย์ดูแล
18 มิ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy